ไร่ชาฉุยฟง
ไร่ชา”ฉุยฟง”
คนแห่เที่ยวตามรอยละครดัง
“ เชียงราย” นั้น ใช่จะเด่นดังในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเดียว สินค้าหลายอย่างของเมืองนี้ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ หนึ่งในนั้นก็คือ “ชา” ซึ่งใครที่ได้เคยลิ้มชิมรสแล้วมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติดีไม่แพ้ชาสัญชาติใดในโลก ฉะนั้นชาจากที่นี่จึงส่งออกไปขายในหลายประเทศ
คุณสุบิน วนัสพิทักษกุล เจ้าของไร่ชาฉุยฟง เป็นเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งที่ปลูกชามาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ตอนนี้เขาได้สืบทอดกิจการไร่ชาเป็นรุ่นที่สอง ซึ่งปลูกกันอยู่ 2 จุด คือที่ดอยพญาไพร ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวงและที่อ.แม่จัน จ.เชียงราย รวมกว่าพันไร่

คุณสุบิน วนัสพิทักษกุล และภรรยา
0000ปลูกชาอออแกนิก
คำว่า“ฉุยฟง”ในภาษาจีน หมายถึง “ภูเขาที่เขียวชอุ่ม” จุดเด่นของไร่แห่งนี้อยู่ที่การปลูกแบบขั้นบันได โดยเฉพาะพื้นที่ตรงรอยต่อตรงอ.แม่จันกับอ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งเพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ไม่นาน ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักเดินทางเป็นอย่างมาก มีผู้คนจากทั่วสารทิศมาเที่ยวชมทัศนียภาพอันสวยงามของไร่แห่งนี้ และละครหลายค่ายทั้งจากช่อง7และช่อง3 ก็มาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร รวมถึงถ่ายภาพยนตร์โฆษณาด้วย
ใครไปใครมาต่างชื่นชอบเพราะทางไร่จัดสถานที่ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปในมุมสูง มองลงไปเป็นวิวไร่ชาไต่ระดับ แถมมีร้านชาเก๋ๆให้นั่งจิบพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางต้นชาสุดลูกหูลูกตา
คุณสุบินเล่าว่าบริเวณไร่ตรงรอยต่อระหว่างอ.แม่จันกับอ.แม่ฟ้าหลวง มีเนื้อที่600 ไร่ อยู่สูงจากน้ำทะเล 500-600 เมตร ปลูกชาพันธุ์อู่หลงกับชาเขียว เป็นคนละพันธุ์กัน ชาเขียวเป็นชาทั่วไปเหมือนชาเมี่ยงบ้านเราในสมัยก่อน แต่ถ้าชาอู่หลงจะเป็นพันธุ์ที่นำมาจากไต้หวัน โดยเป็นการปลูกแบบธรรมชาติ ซึ่งจะให้ผลดีกว่าใช้สารเคมี ที่ผ่านมาทำในลักษณะค่อยเป็นค่อยๆไป สมัยก่อนใช้ปุ๋ยเคมีเพราะต้องบำรุงต้น แต่เมื่อต้นชาโตแล้ว จะค่อยๆ ลดสารเคมีลง จนตอนนี้ไม่ใช้เลย ทำเป็นแบบออแกนิก”
อย่างที่บอกไร่ฉุยฟงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่เดือนมานี้ แต่กระแสตอบรับดีเกินคาด
“เพิ่งจะเปิดเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผลตอบรับก็โอเค คนมาเที่ยวเยอะ เพราะเขาไม่ต้องเสียเวลาขึ้นดอยแม่สลอง เดินทางสะดวกใกล้ถนนซูเปอร์ไฮเวย์แค่ 10 นาทีเอง ที่นี่มีละครมาถ่ายทำหลายเรื่อง เช่น เรื่องรักออกอากาศ และเรื่องแววมยุรา ทางช่อง 3 เรื่องชิงนาง ทางช่อง 7 แล้วก็มีโฆษณาต่างๆ กับรายการทีวีหลายรายการ ทำให้คนรู้จักไร่ชาของเรา และทำให้อ.แม่จัน จ.เชียงราย มีจุดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกจุด ที่นี่สวยเพราะเป็นเนินหลังเต่า ซึ่งการปลูกแบบขั้นบันไดแบบนี้จะง่ายต่อการดูแลและเก็บเกี่ยว ทำมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อแล้ว ผมเองแค่มาสานต่อ”
000ส่งเข้าโรงงานทำน้ำดื่มชาเขียว

ในการเข้าชมไร่ฉุยฟงนั้น นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียค่าเข้าสักบาท แต่มีข้อห้ามเล็กๆน้อยๆ อาทิ ห้ามทิ้งขยะ ห้ามเด็ดใบชา สามารถถ่ายรูปได้ตามสบายไม่ว่ากัน ถ้าใครไปช่วงเช้าๆจะได้เห็นการเก็บใบชา ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก แต่อาจจะต้องตื่นเช้ากันหน่อย
“ ช่วงนี้เก็บใบชาทุกวัน จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งมีตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงสิ้นปีที่เป็นฤดูหนาวจะให้ผลผลิตน้อยลงหน่อย เพราะเป็นช่วงที่ใบชาแตกตัวช้า หลังเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะเริ่มอยู่ตัว เพราะถ้ามีน้ำฝนต้นชาจะเริ่มแตกตัวดี ปกติการเก็บใบชาจะให้ดีต้องหลังจากปลูก 3 ปี แล้วค่อยๆ เก็บ แต่ถ้าให้ผลผลิตเยอะจริงๆ อยู่ที่ช่วง 5-6 ปี”
ธุรกิจของไร่ฉุยฟงนั้นใช่เพียงจะปลูกชาอย่างเดียว ยังมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากในไร่ พร้อมกับรับซื้อใบชาสดจากเกษตรกรที่ปลูกอยู่ในละแวกนี้ด้วย ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อของคุณสุบินยังมีชีวิต แต่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน
“ผมเองจบสาขาการจัดการทั่วไปที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว ตอนนี้ดูแลทั้งในแปลงกับที่โรงงาน เพราะคุณพ่อเพิ่งเสียไป คุณแม่ยังอยู่ พี่น้องทั้ง 6 คนก็ช่วยกันดูแล โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 40-50 ตัน/ เดือน อยู่ที่ช่วงใบชาเยอะน้อยด้วย ส่วนใหญ่จะทำขายเป็นชาเขียวส่งโรงงานน้ำดื่มชาเขียวหลายยี่ห้อในบ้านเรา”
การปลูกชาของไร่ฉุยฟง เรียกว่าทันสมัยทีเดียว ไม่ต้องใช้คนรดน้ำ แต่ใช้สปริงเคิล ที่สำคัญใช้ปุ๋ยชีวภาพที่ผลิตเอง

มุมถ่ายรูปโดยเฉพาะ
พูดถึงปัญหาในการปลูกชา คุณสุบินบอกว่า ไม่ค่อยมีโรค มีแมลง ถ้าต้นชาสมบูรณ์แมลง โรคต่างๆ ก็ไม่ค่อยมารบกวน ทั้งนี้จะใส่ปุ๋ยตอนเก็บ คือ พอเก็บหนึ่งหนจะใส่ปุ๋ยหนึ่งครั้ง เพื่อบำรุงให้อาหารกับดิน เป็นปุ๋ยชีวภาพที่ทางไร่หมักเอง เพราะมีโรงหมักปุ๋ยชีวภาพที่กรมพัฒนาที่ดินมาแนะนำให้ และใช้ระบบสปริงเกิลหมด เพราะหน้าแล้งกับหน้าร้องต้องให้น้ำ ไม่เช่นนั้นชาจะไม่แตกยอด ถ้าเป็นหน้าฝนไม่ต้องให้น้ำ แต่ถ้าน้ำไม่พอก็มีลำธารข้างสำรองไว้
ในการเก็บใบชานั้น วันหนึ่งๆใช้คนงาน 150-160 คน โดยถ้าเป็นช่วงปิดเทอมจะมีนักเรียนมาช่วยเก็บเพื่อหารายได้พิเศษ ซึ่งจะมีหัวหน้าคนงานไปสอนไปคอยดู จะเก็บหนึ่งยอดกับสองใบบน อันเป็นมาตรฐานทั่วไปในการเก็บชา
ผลิตภัณฑ์ของไร่ฉุยฟง มีทั้งขายส่ง ขายปลีก และส่งออกขายต่างประเทศที่อาทิไต้หวัน ญี่ปุ่น และกำลังจะทำตลาดยุโรป แต่โดยรวมแล้วยอดขายส่งจะมากที่สุด
000ตลาดชาในประเทศบูม
“ที่ผ่านมาคิดว่าแพคเกจจิ้งของเรายังไม่ค่อยโดนใจเท่าไร แต่ปีนี้คิดว่าจะทำรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด กำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ ปีหน้าคิดว่าจะออกสู่ตลาด ซึ่งตอนนี้ตลาดในบ้านเราโอเค คือ มีออเดอร์ที่รับซื้อเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน เป็นเพราะคนนิยมดื่มชากันมากขึ้น ซึ่งชาก็มีประโยชน์กว่าน้ำอัดลมอยู่แล้ว
ถ้าเทียบชาบ้านเรา กับ ชาจีน หรือชาญี่ปุ่น ชาบ้านเราเรื่องคุณภาพไม่แพ้ที่อื่น แต่ขาดการประชาสัมพันธ์มากกว่า เพราะชาที่นี่ไปประกวดที่ญี่ปุ่น เราก็ได้เหรียญทองมา เป็นชาอู่หลง คิดว่าน่าจะมีมาตรฐานในระดับหนึ่ง แต่ต่างประเทศไม่ค่อยรู้จักชาของเมืองไทย รู้จักแต่ชาจีน ชาญี่ปุ่น เขายังแปลกใจเลยว่า ประเทศไทยมีชาด้วยหรือ
ปัจจุบันคนไทยนิยมชาเขียว แต่ชาอู่หลงก็เริ่มดื่มกันบ้างแล้ว ส่วนชาเขียวที่ผสมในเค้กจะเป็นผง ซึ่งเราก็ทำขาย ส่วนใหญ่าจะซื้อไปทำไอศครีม ทำเค้ก ลูกค้าจะซื้อของเราไปใช้ เพราะจะไม่มีการเติมแต่งจะเป็นชาเขียว 100 % ”
คุณสุบินพูดถึงการปลูกชาในยุคคุณพ่อกับยุคเขาแตกต่างกันก็ เพราะ สมัยก่อนไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรหนัก แต่สมัยนี้ก็มีแบ็คโฮ รถไถ ซึ่งช่วยทุ่นแรงเยอะ สมัยก่อนใช้คนจะลำบากมากกว่า
ในการทำชานั้น คุณสุบินอธิบายว่า “การทำชามีหลายสูตร แต่ละเจ้าก็ใช้สูตรไม่เหมือนกัน ชาไม่มีสูตรตายตัว แล้วแต่ความชำนาญของแต่ละคน ปกติชาทั่วไปจะหอมนิดๆ แค่นั้นเอง แต่ถ้าหอมฉุยแสดงว่า แต่งกลิ่น
อย่างชาเขียวของญี่ปุ่น ก็แต่งกลิ่นเหมือนกัน สำหรับราคาใบชาถ้าเทียบกับคุณภาพในท้องตลาด ราคาน่าจะไล่ๆกัน ไม่ต่างกันมาก แต่ก็ต้องดูคุณภาพด้วย บางรายขายถูก เพราะไม่มีโรงงานที่ได้มาตรฐาน คือ รับมาแล้วแพ็คหีบห่อ เอง ฉะนั้นการเลือกซื้อชา ควรจะเลือกซื้อที่มีฉลากติดชัดเจน มีมาตฐาน อย. มีเครื่องหมายGMP ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐาน แต่บางรายก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้”
000อนาคตหวังทำแฟรนไชส์ร้านชา
คุณสุบินเล่าด้วยว่า เคยไปดูไร่ชาในต่างประเทศหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ญีปุ่น เกาหลี เวียดนาม จีน แต่ที่ชอบมากคือระบบการปลูกของไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเจ้าแห่งชา แต่ก่อนทางไร่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญจากไต้หวันมาเป็น QC ตอนหลังพอเรียนรู้ได้ระดับหนึ่งก็ทำเองแล้ว ที่ไต้หวันนั้นมีระบบการปลูกชาเหมือนกับบ้านเรา แต่ว่าของเขาจะมีพื้นที่จำกัด ต่อคนจะปลูกได้น้อย 3 -5 ไร่ ซึ่งการมีพื้นที่และเป็นธุรกิจขนาดเล็ก จึงทำให้ชาได้รับการดูแลอย่างดี ต่างจากของเราที่เป็นระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่สามารถเทียบกันได้ แต่ที่ไต้หวันใช้เครื่องจักรใหม่ๆ ทันสมัยมาก
ส่วนที่เวียดนามจะปลูกชาเป็นผืนใหญ่ แล้วทำเป็นระบบโรงงาน แต่เวียดนามจะเสียตรงเรื่องดิน ที่ไม่ค่อยดี เพราะไม่รู้ว่า เกิดจากสงคราม จะมีสารเคมีปนเปื้อนในดิน ทำให้รสชาติชาออกจะแปลกๆ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเรา แต่ถ้าเรื่องแรงงาน เราสู้เขาไม่ได้ ส่วนเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีนั้น เราก็ต้องพร้อม ต้องการปรับปรุงคุณภาพ เพื่อสู้กับพวกต่างชาติให้ได้ เพราะต่อไปน่าจะสู้กันด้วยคุณภาพ คงไม่ใช่ เรื่องปริมาณ

หน้าตาชาประเภทต่างๆ
เห็นมีพื้นที่มากมาย และอยู่ในเมืองท่องเที่ยว เลยถามว่ามีโครงการจะทำอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ประเด็นนี้คุณสุบินตอบว่า “เรื่อง ปลูกต้นชาเพิ่มคงไม่มีแล้ว แต่จะดูแลให้ได้มาตรฐานมีคุณภาพ ส่วนเรื่องสร้างรีสอร์ทอนาคตน่าจะมี แต่ตอนนี้ขอทำร้านชาให้คนรู้จักเยอะก่อน เป็นทีเฮาส์เล็กๆ ซึ่งจะมีเมนูเด่นเกี่ยวกับชาที่ไม่สามารถทานในร้านอาหารทั่วไปได้ เช่น ยำทูน่าใบชา จะใช้ใบชาสดอ่อน ปอเปี๊ยะใบชา หมั่นโถใบชา ขายเป็นเข่งๆละ 2 ลูก 50 บาท วิธีการทำคือ เอาใบชาผงของเราไปผสมกับแป้ง นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่ที่ทำเอง ซึ่งลูกค้าต่างชอบเมนูจากใบชาต่างๆมาก”
วันนั้นคุณสุบินจัดเมนูสารพัดชามาให้ลิ้มลอง ทั้งน้ำชามะนาว พร้อมด้วยยำทูน่าใบชา ปอเปี๊ยะใบชา หมั่นโถใบชา ต้องบอกว่ารสชาติดีทีเดียว ผสมกับรรยากาศในช่วงเย็นที่แดดอ่อนๆ ลมพัดเย็นๆ ทำเอาพวกเราไม่อยากจะกลับที่พักในตัวเมืองแม่สายเลย
แม้ร้านชาแห่งนี้จะเปิดได้ไม่นาน แต่ลูกค้าก็ชื่นชอบ ขณะที่ตัวเจ้าของไร่ชาฉุยฟงก็อยากจะทำให้เหมือนร้านกาแฟดังๆทั่วไป และคิดไว้ว่าอนาคตถ้าเป็นไปได้อาจจะขายแฟรนไชส์ด้วย
หนุ่มเจ้าของไร่ชาฉุยฟงบอกด้วยว่า โดยปกติตัวเองชอบดื่มชาอู่หลง ส่วนชาเขียวดื่มวนๆ กันไป รสชาติจะแตกต่างกัน ตรงที่ว่าถ้าเป็นชาเขียวจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่ถ้าเป็นชาอู่หลงจะมีคุณสมบัติที่ดีคือ ชุ่มคอ มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ธรรมชาติ
ฟังแบบนี้แล้ว นึกอยากดื่มชาอู่หลงขึ้นมาทันที
สนใจอยากรู้เรื่องไร่ชาฉุยฟง อยากไปเที่ยวหรือซื้อผลิตภัณฑ์ ติดต่อที่ 053 771 563 หรือ http://www.chouifongtea.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น